Sophirat is a self-taught artist, Sophirat draws inspiration from peoples’ stories, nature, and subcultures. Her work emphasizes issues of marginalization of various groups within affluent urban centers like Bangkok.
The Nudist photography series draws parallels to tribal societies where nudity was normative and gender interactions were non-sexualized. The process followed a semi-fine art photography approach, arranging nude models in relation to the space, allowing them to keep items like glasses or watches to reflect the present moment. In contrast, fine art photography would remove these items in order to achieve a timeless aesthetic.
Le Déjeuner sur l'herbe (The Luncheon on the Grass) is a photography series inspired by Édouard Manet, which depicted a prostitute and challenged traditional conceptions of art during 1862. Sophirat emphasizes how historical themes are still relevant today. Sophirat works with sex workers and sexologists to confront the continuous devaluation and lack of rights experienced by this profession, which is still ignored by both the state and society.
Sophirat’s work has been exhibited both nationally and internationally, including her recent solo exhibition Decentralized Thainess at 333 Gallery (Bangkok, 2024) and prior exhibitions such as Ecopsychology (Objectifs, Singapore, 2019) and Interpreters (MOCA, Bangkok 2022).
โศภิรัตน์เป็นศิลปินผู้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง โศภิรัตน์ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของผู้คน ธรรมชาติและวัฒนธรรมย่อยต่าง ๆ ผลงานของเธอเน้นประเด็นการทำให้คนหลากหลายกลุ่มเป็นชายขอบในศูนย์กลางเมืองที่ฟุ้งเฟ้อหรูหราอย่างกรุงเทพฯ
งานภาพถ่ายชุด Nudist ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับสังคมชนเผ่าที่การเปลือยเป็นบรรทัดฐานและปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพศไม่ได้ถูกทำให้เป็นเรื่องทางเพศ กระบวนการทำงานเป็นไปตามแนวทางการถ่ายภาพแนวกึ่งศิลปะ จัดผู้เป็นแบบเปลือยให้สัมพันธ์กับพื้นที่ ให้สวมแว่นตาหรือนาฬิกาได้เพื่อแสดงความเป็นปัจจุบัน ในทางตรงกันข้ามการถ่ายภาพแนวศิลปะจะถอดสิ่งเหล่านี้ออกเพื่อให้ได้สุนทรียะที่ไม่จำกัดเวลา
งานภาพถ่ายชุด Le Déjeuner sur l'herbe (อาหารกลางวันบนผืนหญ้า) ได้แรงบันดาลใจมาจากงานของเอดัวร์ มาแนซึ่งเป็นรูปโสเภณีคนหนึ่งและท้าทายแบบแผนดั้งเดิมของงานศิลปะในช่วงปี พ.ศ. 2405 โศภิรัตน์เน้นให้เห็นว่าแก่นความคิดซึ่งมีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ยังคงมีความสำคัญอยู่จนทุกวันนี้ได้อย่างไร โศภิรัตน์ทำงานกับผู้ค้าบริการทางเพศและนักเพศวิทยาในการแก้ปัญหาการถูกด้อยค่าอย่างต่อเนื่องและการขาดสิทธิด้านต่าง ๆ ของผู้ประกอบอาชีพนี้ซึ่งทั้งรัฐบาลและสังคมยังคงมองข้าม
ผลงานของโศภิรัตน์จัดแสดงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างนิทรรศการเดี่ยวครั้งล่าสุด Decentralized Thainess: สลายศูนย์ (333 แกลเลอรี, แวร์เฮาส์ 30, กรุงเทพฯ, พ.ศ.2567) และนิทรรศการก่อนหน้านั้น เช่น Ecopsychology (ศูนย์ภาพถ่ายและภาพยนตร์ออบเจ็คทิฟส์, สิงคโปร์, พ.ศ. 2562) และ Interpreters (MOCA พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยไทย, กรุงเทพฯ, พ.ศ. 2565) เป็นต้น